Markety

ศูนย์การเรียนรู้

บริษัท มาเก็ตตี้ (ประเทศไทย) จำกัด

Cache คืออะไร ตัวช่วยลับที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ไวยิ่งขึ้น

Cache คือ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยกดเข้าเว็บไซต์แล้วโหลดช้า หรือใช้งานอุปกรณ์แล้วเกิดการกระตุก โปรแกรมที่เปิดอยู่ค้าง ไปจนถึงใช้งานต่อไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่าต้องมีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น และที่มักพบได้บ่อยนั้นคือการติดแคชเยอะเยอะจนเกินไป แต่ Cache คืออะไร หากเกิดปัญหาการติดแคชต้องแก้ยังไง แคชมีข้อดีไหม หรือมีแต่ข้อดีไหมหรือมีแต่ข้อเสีย เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันผ่านเนื้อหาต่อไปนี้

สารบัญบทความ

Cache คืออะไร

cache

Cache คือ พื้นที่เก็บข้อมูลหรือหน่วยความจำชั่วคราวภายในคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ทำหน้าที่เก็บสำเนาของข้อมูลที่ดึงมาจากแหล่งข้อมูลหลัก เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องมีการประมวลผลของข้อมูลใหม่เมื่อเข้าใช้งาน

โดยหลายคนยังคงมีความเข้าใจแบบผิด ๆ ว่ามี Cache เท่ากับไม่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมี Cach ก็มีข้อดี และมีประโยชน์มากกว่าที่คิด ดังต่อไปนี้

  • ช่วยเพิ่มความเร็วของอุปกรณ์ เพราะ Cache จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงชุดข้อมูลของหน้าเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ได้เร็วกว่าการดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลัก
  • Cache ช่วยลดการใช้แบนด์วิดท์อินเทอร์เน็ต เพราะไม่จำเป็นต้องดึงข้อมูลจากแหล่งเดิมซ้ำ
  • สามารถใช้งานบางส่วนของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้ แม้จะไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถใช้งานออฟไลน์ได้ เพราะมีสำเนาข้อมูลเก็บไว้แล้ว

นอกจากนี้หน่วยความจำ Cache คือ หน่วยความจำความเร็วสูงขนาดเล็กที่สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ดังนี้

  • CPU Cache เป็นหน่วยความจำแคชที่ใช้สำหรับ CPU มีหน้าที่ในการจัดเก็บสำเนาของคำสั่ง และข้อมูลที่ CPU ใช้บ่อย ๆ เพื่อช่วยให้ CPU ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องรอข้อมูลจาก RAM มีการแบ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
  1. L1 Cache คือ แคชที่เร็วที่สุดและเล็กที่สุด อยู่บนชิป CPU เอง
  2. L2 Cache คือ แคชที่ช้ากว่า L1 Cache เล็กน้อย แต่ใหญ่กว่ามาก โดยทั่วไปแล้วจะอยู่บนชิป CPU เช่นกัน
  3. L3 Cache คือ แคชที่ช้าที่สุด แต่ใหญ่ที่สุด มักพบใน CPU รุ่นใหม่
  • Web Cache คือหน่วยความจำแคชที่ถูกใช้งานโดยเว็บเบราว์เซอร์ มีหน้าที่เก็บสำเนาของเว็บเพจ รูปภาพ วิดีโอ และไฟล์อื่น ๆ ที่คุณเคยเข้าชมบนหน้าเว็บไซต์ ช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ซ้ำ

ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการติด Cache

การใช้งาน Cache ที่บ่อย และมีการจัดเก็บไฟล์เป็นจำนวนมากจนเกินไป จะทำให้เกิดปัญหาการติด Cache ที่ทุกคนคุ้นเคยกันเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง โดยอาการและระดับความรุนของ Cache ที่อาจเกิดขึ้นได้ มีดังนี้

มีโอกาสทำให้อุปกรณ์เสียหาย

จริง ๆ แล้ว การติดแคชนั้น ไม่ได้ส่งผลเสียต่ออุปกรณ์โดยตรง แต่หากมีการสะสมของ Cache เป็นเวลานาน อาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ แล้วเมื่อซีพียูทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น จนเกิดเป็นภาวะแบตเตอรี่เสื่อม ซึ่งส่งผลต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ในเครื่องเป็นลำดับ ดังนั้น จึงควรล้าง Cache เป็นประจำ จะช่วยป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ลดลง

เพราะ Cache คือ หน่วยความจำความเร็วสูงขนาดเล็กที่ใช้เก็บสำเนาของข้อมูลที่เพิ่งเข้าถึงหรือใช้บ่อย ๆ ดังนั้น หากติดแคชเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ได้ เพราะ Cache ที่สะสมไว้นาน อาจจะใช้พื้นที่เก็บข้อมูลของอุปกรณ์ ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ให้ทำงานช้าลง

การดาวน์โหลดและการแสดงข้อมูลช้าลง

เมื่อ Cache เต็ม ส่งผลให้ซีพียูจะต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อหาพื้นที่ว่างสำหรับเก็บข้อมูลใหม่ ส่งผลให้ความเร็วในการประมวลผลช้าลง รวมถึงบางครั้ง การติดแคชหรือ Cache เก่าอาจจะไปซ้อนทับกับข้อมูลใหม่ ทำให้การดาวน์โหลดและการแสดงข้อมูลช้าลง ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เช่น เว็บไซต์โหลดไม่ขึ้น แอปพลิเคชันทำงานผิดพลาด

วิธีการเคลียร์ Cache แบบง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง

Cache Memory

การใช้ประโยชน์สูงสุดจาก Cache คือปล่อยให้อุปกรณ์มีการเก็บแคชเว็บไซต์ และข้อมูลการใช้งานในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อเริ่มรู้สึกว่าอุปกรณ์เริ่มทำงานได้ช้าลงจากการที่มีปริมาณข้อมูลในไฟล์แคชเยอะจนเกินไปควรทำการเคลียร์แคช โดยวิธีการเคลียร์แคชด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ นั้นมี ดังนี้

  • Microsoft Windows (คอมพิวเตอร์ระบบ MS Windows) มีขั้นตอนเคลียร์ Cache ดังนี้
  1. ไปที่ Start Menu แล้ว ค้นหา Disk Clean up
  2. เลือกไดรฟ์ที่ต้องการล้าง Cache คลิก OK
  3. เลือก Temporary Files แล้วคลิก OK
  • iOS มีขั้นตอนเคลียร์ Cache ดังนี้
  1. ไปที่ Settings แล้วเลือก General
  2. เลือก iPhone Storage กดเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการล้าง Cache
  3. เลือก Offload App และเลือก Reinstall App
  • Google Chrome มีขั้นตอนเคลียร์ Cache ดังนี้
  1. เปิด Google Chrome แล้วคลิก ⋮ ที่มุมขวาบน
  2. เลือก History กดคลิก Clear browsing data
  3. เลือกช่วงเวลา และเลือก Cookies and other site data และ Cached images and files ก่อนจะคลิก Clear data
  • Safari มีขั้นตอนเคลียร์ Cache ดังนี้
  1. เปิด Safari แล้วเลือก Safari -> Preferences
  2. คลิก Privacy แล้วกดคลิก Manage Website Data
  3. เลือกคลิก Remove All

ประโยชน์ในการใช้งานระบบ Cache กับเว็บไซต์

ข้อดีในการทำ Web Cache คือการใช้รูปแบบการทำงานในส่วนของการจัดเก็บข้อมูลมาใช้ร่วมกับการจัดเก็บข้อมูลการประมวลผลบนหน้าเว็บไซต์ ทำให้เมื่อผู้ใช้งานมีการเข้าเว็บไซต์และเริ่มมีการจัดเก็บแคชเกิดขึ้น ในครั้งต่อ ๆ ไปที่ผู้ใช้งานกลับเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ที่ได้มีการเก็บแคชไว้แล้วอีกครั้ง จะทำให้การประมวลผลของหน้าเว็บไซต์รวดเร็วมากกว่าเดิม เนื่องจากมีชุดข้อมูลเก่าที่ได้บันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อดีของ Cache คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่การลบ Cache ก็ยังควรทำเป็นประจำ เพื่อช่วยให้ระบบมีพื้นที่เก็บข้อมูลใหม่ทำงานได้ไวขึ้น รวมถึงการตั้งค่านโยบายการแคช ช่วยให้ระบบจัดการแคชได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปการเกี่ยวกับระบบ Cache

เคลียร์ Cache

Cache คือ พื้นที่เก็บข้อมูลหรือหน่วยความจำชั่วคราวภายในคอมพิวเตอร์ ซึ่งช่วยให้เข้าถึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลเดิมได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสามารถใช้งานได้แม้จะออฟไลน์ก็ตาม ด้วยการสำเนาข้อมูล ทำให้พื้นที่เต็มเร็วขึ้น ทั้งนี้ จึงควรหมั่นล้าง Cache หรือเคลียร์ Cache เป็นประจำ เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่าง เพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล และแก้ปัญหา Cache เก่าที่อาจจะเสียหายได้


Markety บริษัทรับทำ Landing Pageรับทำ Sale Pageและรับทำเว็บไซต์ และนักวางแผนการตลาดอย่างมืออาชีพ พร้อมออกแบบเว็บไซต์ให้มีระบบแคชที่มีคุณภาพ แก้ปัญหา Cache บัค พร้อมบริการด้านการตลาดในการเอาข้อมูลแคชมาใช้ประโยชน์ในการทำการตลาด หากท่านใดสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Email : [email protected] หรือเบอร์โทรติดต่อ 02-002-9322 (ฝ่ายบริการลูกค้า), 084-509-5545 (ฝ่ายขาย) และ 061-924-7449 (ฝ่ายขาย)

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ IP Address

1. วิธีการเคลียร์ Cache ด้วย Plugin

อีกหนึ่งวิธีสำหรับการคลียร์ Cache คือ ใช้ Plugin บน CMS ที่ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้โดยเฉพาะ Plugin เหล่านี้ ช่วยให้ลบ Cache ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเข้าไปแก้ไขโค้ดหรือไฟล์ใด ๆ ซึ่งโดดเด่นด้วยข้อดี คือ ใช้งานง่าย เพียงคลิกปุ่มไม่กี่ครั้ง Cache ทั้งหมดก็จะถูกลบออก แล้ว Plugin เหล่านี้ ทำงานได้รวดเร็ว ช่วยให้คุณประหยัดเวลา มีความปลอดภัย เพราะPlugin ที่ดีจะลบ Cache เฉพาะส่วนที่ต้องการ โดยไม่ส่งผลต่อข้อมูลอื่นๆ บนเว็บไซต์

โดย Plugin มีหลายตัวให้เลือกใช้ เพื่อลบ Cache ได้แก่ WordPress, Joomla, Magento เป็นต้น ซึ่งมีวิธีการติดตั้งและใช้งาน Plugin ดังนี้

  1. เลือก Plugin ที่เหมาะกับ CMS ของคุณ
  2. ติดตั้ง Plugin ผ่านหน้าแดชบอร์ดของ CMS
  3. เปิดใช้งาน Plugin และตั้งค่าตัวเลือกต่าง ๆ ตามต้องการ
  4. คลิกปุ่มเพื่อลบ Cache

2. เราสามารถใช้งานอุปกรณ์ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ล้าง Cache เลยได้ไหม

โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถใช้งานอุปกรณ์ไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องล้าง Cache แต่ประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์อาจช้าลงและเกิดปัญหาบางประการได้ ดังนั้น วัตถุประสงค์หลักในการล้าง Cache คือ

  • เพิ่มพื้นที่ว่าง เพราะ Cache เก็บสำเนาข้อมูลไว้ ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลเต็มเร็วขึ้น
  • เพิ่มความเร็ว เนื่องจาก Cache เก่าอาจทำให้การทำงานช้าลง
  • ช่วยแก้ปัญหา ด้วย Cache ที่เสียหายอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น รูปภาพไม่แสดง

ซึ่งควรจะล้าง Cache เมื่ออุปกรณ์มีสัญญาณ เช่น พื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม, อุปกรณ์ทำงานช้า หรือเกิดปัญหา เช่น รูปภาพไม่แสดง ต้องดาวน์โหลดใหม่ เป็นต้น ดังนั้น สรุปได้ว่า เราสามารถใช้งานอุปกรณ์ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องล้าง Cache แต่ควรล้างแคชเป็นประจำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

อ้างอิง 

Ben Lutkevich. (2021, October). What is a cache?. https://www.techtarget.com/searchstorage/definition/cache

Justin Pot. (2023, June 30). What is a cache? And why does clearing it fix things?. https://zapier.com/blog/what-is-a-cache/

 Chiradeep BasuMallick. (2022, December 12). What Is Cache? Definition, Working, Types, and Importance. https://www.spiceworks.com/tech/tech-101/articles/what-is-cache/

เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ

News Update