Markety

Markety

ศูนย์การเรียนรู้

บริษัท มาเก็ตตี้ (ประเทศไทย) จำกัด

URL คืออะไร เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณอย่างไรบ้าง

URL คืออะไร

เว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นจะต้องมีช่องทาง หรือเส้นทางที่ใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลชนิดนั้น ๆ และที่อยู่ของข้อมูล เปรียบเสมือนกับเลขที่บ้าน ที่จะนำพาคนส่งพัสดุมาส่งของยังที่อยู่ของคุณได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเรียกกันว่า URL แล้ว URL คืออะไร ส่งผลอย่างไรต่อเว็บไซต์ของคุณ รูปแบบของ URL มีอะไรบ้าง วิธีการสร้าง URL ทำอย่างไร โดเมนคืออะไร วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันเกี่ยวกับเรื่องของ URL ที่คุณควรรู้

สารบัญบทความ

URL คืออะไร ช่วยในการค้นหาเว็บไซต์ของคุณอย่างไร

URL คืออะไร ? ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักก่อนว่า URL ย่อมาจากอะไร URL หรือ Uniform Resource Locator คือ ข้อมูลที่ถูกบันทึกในแหล่งข้อมูลต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต หรือเรียกกันว่าเป็น ตัวชี้แหล่งในอินเทอร์เน็ต เปรียบเสมือนการบอกชื่อและที่อยู่ เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบว่าเจ้าของเว็บไซต์เป็นใคร และเป็นการบอกที่อยู่ของเว็บไซต์เพื่อใช้ในการนำพาผู้ใช้บริการเข้าถึงข้อมูล เนื้อหาบนเว็บเพจของคุณได้ ซึ่งชื่อของเว็บไซต์จะถูกเรียกว่า Domain Name และจะไม่สามารถใช้ชื่อซ้ำกันได้

URL มีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง

โครงสร้าง URL

เมื่อคุณได้ทราบแล้วว่า URL คืออะไร ? ต่อมาคือการทราบถึงส่วนประกอบของ URLมีอะไรบ้าง แต่ละส่วนประกอบแสดงถึงข้อมูลอย่างไร เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจการใช้ URL อย่างถูกต้องและละเอียดมากขึ้น ปกติแล้วคุณอาจจะเห็น URL เป็นชื่อยาว ๆ หรือสัญลักษณ์ที่ผสมกันมาแบบไม่มีความหมาย แต่แท้จริงแล้วนั้น URL ประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่ Protocol Identifier (Scheme) และ Resource Name (Authority) ดังนี้

1. Protocol Identity

ส่วนประกอบแรกของ URL คืออะไร ? Protocol Identifier หรือ Scheme เป็นชื่อProtocol อันดับต้น ๆ ที่ใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์นั้น ๆ โดยนิยมใช้เป็น HTTP ซึ่งย่อมาจาก HyperText Transfer Protocol 

 และ HTTPS

2. Resource Name

ส่วนประกอบที่สองของ URL คืออะไร ? Resource Name หรือที่เรียกว่า Authority เป็นส่วนท้ายที่ต่อจาก http:// ซึ่งจะมีองค์ประกอบย่อย ๆ ภายในอีกหลายส่วน จะขึ้นอยู่กับหน้าเว็บไซต์ หรือโครงสร้างแต่ละเว็บไซต์ ดังนี้

  • Domain name 

Domain name หรือที่หลายคนนิยมเรียกกันว่า Host Name เป็นชื่อที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้อย่างถูกต้อง โดยแต่ละเว็บไซต์จะมีชื่อ Domain name ที่แตกต่างกันไปตามแต่เจ้าของเว็บไซต์จะกำหนด โดยส่วนท้ายของชื่อจะมีการกำกับตามประเภทของเว็บไซต์นั้น ตัวอย่างเช่น 

– .com เหมาะกับเว็บไซต์ประเภท บริษัท/องค์กร

– .co.th เหมาะกับเว็บไซต์ประเภท บริษัทที่ทำการค้าในประเทศไทย

– .org เหมาะกับเว็บไซต์ประเภท องค์กรไม่แสวงผลกำไร

– .ac.th เหมาะกับเว็บไซต์ประเภท สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย

– .net เหมาะกับเว็บไซต์ประเภท เครือข่าย

  • Path

Path จะใช้เป็นการนำไปสู่ไฟล์หรือตำแหน่งต่าง ๆ ของข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ของคุณ ตำแหน่งของ Path จะอยู่ตามหลัง Domain name และจะคั่นด้วยเครื่องหมายทับ / เช่น https://markety.co.th/about-us/ เป็นต้น 

  • Query String

Query String คือตัวแปรเพิ่มเติมที่เพิ่มขึ้นมา เพื่อแสดงข้อมูลที่เจาะลึกมากขึ้นของเว็บไซต์นั้น ๆ มักปรากฎเครื่องหมาย “?” ตามด้วยพารามิเตอร์ต่าง ๆ หากมีมากกว่า 1 จะคั่นด้วยเครื่องหมาย “&”และแบ่งคู่ด้วยเครื่องหมาย “=”

  • Anchor 

Anchor เป็น URL ที่แสดงอยู่บนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งเมื่อคลิกลิงก์เข้าไปแล้ว จะนำคุณไปยังหน้าอื่นของเว็บไซต์ เพื่อข้ามไปชมเนื้อหาที่ผู้ใช้งานอาจมีความสนใจมากที่สุด ส่วนของ URL นี้จะขึ้นต้นด้วย # เสมอ 

HTTP กับ HTTPS ต่างกันอย่างไร มีความปลอดภัยแตกต่างกันอย่างไร

มาถึงตรงนี้หลายคนคงเข้าใจแล้วว่าส่วนประกอบของ URL คืออะไร โดยจะสังเกตว่าส่วนประกอบแรกของ URL คือ HTTP ซึ่งจะมีทั้ง HTTPS และ HTTP ซึ่งวันนี้เราจะไปทำความรู้จักว่า 2 คำนี้แตกต่างกันอย่างไร รวมถึงความปลอดภัยในการใช้งานแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

HTTPS และ HTTP คือ เส้นทางที่ใช้สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต โดยตำแหน่งจะอยู่ที่หน้าสุดของ URL มีความแตกต่างกันดังนี้

  • HTTP เป็นการรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์และเว็บไซต์เพื่อให้แสดงผลบนหน้าจอได้อย่างถูกต้อง โดย HTTP นี้จะไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล ทำให้สามารถถูกดักจับและอ่านข้อมูลทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
  • ในขณะเดียวกัน HTTPS จะมีความปลอดภัยที่สูงกว่า โดยใช้ระบบ SSL (secure socket layer) และ TLS (transport layer security) เพื่อเป็นการเข้ารหัสข้อมูลระหว่างการส่ง หากมีการถูกดักจับจะปรากฏเป็นตัวอักษรและตัวเลข ทำให้อ่านข้อมูลไม่รู้เรื่อง โดย HTTPS จะใช้กับข้อมูลที่ต้องการการป้องกัน เช่น การชำระเงินออนไลน์ หรือข้อมูลที่มีไว้เฉพาะบุคคลเท่านั้น

ทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับ ด้วยการตั้ง SEO-Friendly URLs

SEO-Friendly URLs

ประโยชน์ในการสร้าง URL คืออะไร สิ่งสำคัญในการสร้าง URL มีความสำคัญในแง่ของ SEO ในการค้นหาหน้าเว็บไซต์ของคุณ หากคุณมีการสร้าง URL ที่ละเอียด มีการระบุอย่างชัดเจน ก็จะยิ่งทำให้อัลกอริทึมของ search engine เข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ทำให้มองเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ และการทำ SEO-Friendly URLs ที่มีผลต่อการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับการค้นหาต้น ๆ โดยการสร้าง URL ที่ส่งผลต่อ SEO มีวิธีการทำ ดังต่อไปนี้

1. ตั้ง URL ให้สื่อถึงแบรนด์ สั้น กระชับ และมีความชัดเจน

การสร้าง URL คืออะไร ที่จะส่งผลดีต่อ SEO นั่นก็คือการตั้ง URL ที่สื่อความหมายชัดเจน นอกจากโครงสร้างเว็บไซต์ที่คุณควรให้ความสำคัญแล้ว โครงสร้างของ URL ก็สำคัญเช่นเดียวกัน โดย URL ที่สื่อความหมายชัดเจน จะช่วยลดการแสดงผลของรหัสอ้างอิง (query string) URL Friendly จะทำให้มีความสะดวกในการใช้งาน และสามารถลดโอกาสที่ผู้ใช้งานจะเข้าสู่ URL ที่ผิดได้

2. ใช้ Keyword เป็นส่วนประกอบในการสร้าง URL ที่มีการค้นหาบ่อย ๆ 

การใช้คีย์เวิร์ดใน URL คืออะไร นอกจากการใส่คีย์เวิร์ดในเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณแล้ว การใส่คีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาบ่อย ๆ ของผู้ใช้งานลงบน URL ก็สำคัญเช่นเดียวกัน โดยคีย์เวิร์ดที่ใส่นั้นควรมีความสอดคล้องกับเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเพื่อให้เขาได้รู้ว่ากำลังค้นหาข้อมูลของอะไร หรืออยู่ในหน้าไหนบนเว็บไซต์ เพื่อทำให้ไม่เกิดความสับสนในการใช้งาน และเป็นการทำ User-friendly URL อีกด้วย

3 : 3. ใช้ชื่อสินค้า และบริการในการสร้าง URL เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน

การสร้าง URL ที่ดีควรสร้าง URL ให้มีชื่อแบรนด์สินค้าของคุณ รวมถึงสี ขนาด ชื่อบริการ ของธุรกิจคุณลงไปด้วย การใส่ข้อมูลอย่างละเอียดจะช่วยให้สะดวกต่อการใช้งานของกลุ่มลูกค้า และสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณง่ายยิ่งขึ้น 

4. ใช้ HTTPS เพื่อความปลอดภัยของเว็บไซต์ และเป็นผลดีต่อ SEO

การสร้าง URL โดยใช้ HTTPS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ของคุณ โดยผ่านการเข้ารหัสข้อมูล หากมีการดักจับข้อมูลจากบุคคลนั้น ๆ จะไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ หรืออ่านไม่รู้เรื่อง เป็นต้น ซึ่งการใช้ HTTPS จะส่งผลดีต่อการทำ SEO อีกด้วย

SEO-Friendly URLs มีข้อดีอย่างไร

ข้อดีของ SEO-Friendly URLs ในการสร้าง URL คืออะไร 

1. URL สวยงาม ไม่ผิดเพี้ยนเมื่อถูกแชร์ต่อ ทำให้ URL เหมาะกับการแชร์ต่อมากขึ้น

ในการสร้าง URL ของเว็บไซต์ หากคุณออกแบบโครงสร้างที่เป็นระเบียบ เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น เมื่อถูกแชร์ต่อทำให้ผู้ใช้งานมีความเชื่อถือเว็บไซต์คุณมากยิ่งขึ้น 

2. ช่วย Search Engine เก็บข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นมิตรต่อการทำ SEO 

URL หากคุณมีโครงสร้างที่เป็นมิตรต่อการทำ SEO จะช่วยให้เนื้อหาของคุณมีโอกาสที่ดีขึ้นในการติดอันดับในผลการค้นหา ถึงแม้ว่าการตั้ง URL อย่างเดียวจะไม่ได้มีผลต่อการติดอันดับโดยตรง แต่ URL ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์คุณไปสู่การค้นหาอันดับต้น ๆ ได้เช่นกัน 

3. ช่วยให้คนจำ URL ได้ ง่ายต่อการเสิร์ชซ้ำ

การสร้างชื่อ URL ให้ดูกะทัดรัด ง่าย และมีความหมายชัดเจน จะช่วยทำให้ผู้ใช้งานจดจำ URL ของเว็บไซต์คุณได้ ถึงแม้ว่าหลายคนอาจไม่จำชื่อ URL มากเท่าไหร่นัก แต่การตั้ง URL ให้เป็นหมวดหมู่และอ่านง่ายมากยิ่งขึ้น ก็จะส่งผลต่อการจดจำได้และอาจมอบประสบการณ์ใช้งานเว็บไซต์ที่ดีกับกลุ่มผู้ใช้งานได้อีกด้วย

สรุป URL คืออะไร

จากเนื้อหาที่เราได้เตรียมมาไว้ให้กับคุณ อาจจะทำให้คุณได้รู้แล้วว่า URL คืออะไร ความหมายที่แท้จริง ประโยชน์ในการใช้งาน และการสร้าง URL ที่มีคุณภาพควรทำอย่างไร เพื่อนำไปพัฒนาเว็บไซต์ของคุณต่อไป การสร้าง URL เป็นการบอกที่อยู่ที่จะทำให้ผู้ใช้งาน เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณได้ เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจออนไลน์ในหลาย ๆ ธุรกิจ คุณสามารถสร้าง URL ให้กับเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง หากคุณไม่มีความรู้ในด้านการสร้างเว็บไซต์ หรือการสร้าง URL ก็สามารถเลือกใช้บริการกับทาง Markety ได้ มีทั้งบริการ รับทำเว็บไซต์รับทำ Landing Pageรับทำ Sale Page ด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ หากสนใจคุณสามารถติดต่อได้ที่ 573/104 รามคำแหง 39 แขวง พลับพลา เขต วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310 หรือ ติดต่อสอบถาม : 084-509-5545 061-924-7449 Email : [email protected]

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสร้าง URL

คำถามที่คุณอาจพบได้บ่อยของ URL คืออะไร มีดังต่อไปนี้

1. ตั้ง URL เป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษดีกว่ากัน

การตั้งภาษาของ URL คืออะไร ควรตั้งเป็นภาษาอะไรดี คำตอบคือคุณสามารถใช้ภาษาไทย หรืออังกฤษก็ได้ เพียงแต่จะแนะนำให้คุณเลือกใช้เป็นภาษาอังกฤษดีกว่า เนื่องจากมันสามารถจับที่การค้นหาในต่างประเทศได้ ช่วยเพิ่มการกดคลิกเข้ามาของผู้ใช้บริการ อีกทั้งยังเหมาะกับการนำไปแชร์ต่อบนที่ต่าง ๆ แล้วไม่เกิดการผิดเพี้ยนอีกด้วย

นอกจากนี้แล้วการเปลี่ยนชื่อ URL จากไทยเป็น อังกฤษ หรือ อังกฤษ เป็นไทย อาจทำให้เกิดหน้า 404 not found หรือลิงก์เสียนั้นเอง ทำให้ไม่สามารถเปิดหน้าเว็บไซต์นั้นได้ เพราะฉะนั้นก่อนจะตั้งชื่อ URL แต่ละครั้ง ควรคิดให้ดีเสียก่อน

2. จำนวนตัวอักษรสูงสุดในการใช้ตั้ง URL คือเท่าไหร่

จำนวนตัวอักษรสูงสุดในการสร้าง URL จะขึ้นอยู่กับ browser คือ สามารถจำกัดจำนวนตัวอักษรใน URL ในระดับที่ต่างกันได้ โดยทั่วไปแล้วมาตรฐานที่ใช้กันคือ 2048 ตัวอักษร หรือ 2 กิโลไบต์

3. URL Redirect คืออะไร

URL Redirect คือ กระบวนการที่เว็บไซต์ส่งผู้เยี่ยมชมจาก URL หนึ่งไปยัง URL อีกหนึ่ง ตามความต้องการของเจ้าของเว็บไซต์ สามารถใช้งานได้โดยการตั้งค่าใน Control Panel (คอนโทลพาเนล) ของ Web Hosting

อ้างอิง 

MDN contributors.(2023, October 23). What is a URL?

https://developer.mozilla.org/en-US/docs/Learn/Common_questions/Web_mechanics/What_is_a_URL

Jessica Scarpati.(2023, October 23).URL (Uniform Resource Locator)

https://www.techtarget.com/searchnetworking/definition/URL

Matthew Gibbons.(2023, October 23).URL SEO: 6 Tips for How to Create SEO-Friendly URLs

https://www.webfx.com/blog/seo/your-guide-to-url-seo

เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ

News Update