การทำการตลาดออนไลน์ รวมไปถึง Digital marketing คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่จะมาแข่งขันกับนักธุรกิจคนอื่น ๆ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญของการทำเว็บไซต์คือการเพิ่มยอดการเข้าถึงเว็บไซต์ หรือทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณให้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่ให้แบรนด์คุณเป็นที่รู้จักและสามารถเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ได้
โดยปัจจุบันนั้นมีการทำSEO คือตัวช่วยที่จะทำให้เว็บไซต์คุณติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหาบน Google มีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณอย่างมาก ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น เมื่อมีคนเข้ามาเยอะก็เพิ่มโอกาสที่คนจะรู้จักแบรนด์ ซื้อของ หรือติดต่อทำธุรกิจต่าง ๆ กับคุณมากขึ้น แล้วการเพิ่มยอดเข้าชมนั้นสำคัญอย่างไรต่อเว็บไซต์คุณ มีขั้นตอนอย่างไรในการทำ และ SEO ช่วยบริหารการตลาดออนไลน์อย่างไร สำหรับบทความนี้เราได้สรุปสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนการทำ SEO ไว้ให้แล้ว
สารบัญบทความ
SEO คืออะไร และสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจออนไลน์
สำหรับใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ และมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง ก็อาจจะรู้จักกันอยู่แล้วว่า SEO คืออะไร หรือเคยใช้ SEO ในการบริหารธุรกิจออนไลน์ของคุณมาก่อน แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักและมีความสนใจเกี่ยวกับการทำ SEO วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันอย่างละเอียด โดย SEO คือการปรับหน้าเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้เว็บไซต์คุณมีการค้นหาเป็นอันดับต้น ๆ บน Google ซึ่ง SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization มีความหมายว่า การปรับแต่งให้เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหา เช่น การทำคอนเทนต์ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์
ปัจจุบัน SEO คือกลยุทธ์ที่จะช่วยบริหารธุรกิจออนไลน์ของคุณให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากการทำ SEO จะช่วยทำให้เว็บไซต์คุณติดอันดับการค้นหาระดับต้น ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสให้มีคนเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น แบรนด์คุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น และยังเป็นวิธีการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เป็นการทำแผนการตลาดที่ไม่เป็นการรบกวนลูกค้ามากกเกินไป แต่ให้การเข้าถึงที่เป็นธรรมชาติมากกว่า ทำให้ SEO เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของการทำ marketing
การทำ SEO มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจออนไลน์
SEO คือตัวช่วยที่จะทำให้การตลาดของธุรกิจคุณดำเนินต่อไปได้ อีกทั้งยังมีประโยชน์มากมายที่นอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้วข้างต้น การทำ SEO ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
เพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ให้มากที่สุด
SEO คือตัวช่วยที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเว็บไซต์ที่ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ จะมีเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับคำค้นหามากที่สุด ยิ่งเนื้อหาตรงกับคำค้นหามากเท่าไหร่ เว็บไซต์ของคุณก็จะอยู่อันดับดีมากขึ้น
ช่วยในการโปรโมตธุรกิจให้มีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น
SEO คือตัวช่วยในการโปรโมตธุรกิจของคุณด้วยการแนะนำให้คนได้รู้จัก ให้มีการค้นหาเว็บไซต์ของธุรกิจคุณมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยโปรโมตเพื่อให้เกิดการกระตุ้นความต้องการซื้อได้ด้วยคำค้นหาต่าง ๆ เช่น โปร 8.8แล้วตามด้วยชื่อร้านต่าง ๆ ทำให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงโปรโมชั่นของทางร้าน และปิดการขายได้เร็วขึ้น
ประหยัดต้นทุนที่คุณจะต้องเสียไปกับการยิงแอด
การทำ SEO จะช่วยให้คุณประหยัดงบประมาณหรือต้นทุนในการที่คุณต้องนำเงินไปจ่ายค่าโฆษณาให้กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่าการยิงแอด ซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่งบประมาณที่ใช้ในการทำ SEO ไม่สูงเท่าไหร่นัก ทำให้คุณสามารถประหยัดต้นทุนไปได้เยอะเลยทีเดียว
สร้างความได้เปรียบเว็บคู่แข่ง
SEO คือกลยุทธ์ที่จะพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณ และทำให้ติดอันดับการค้นหาต้น ๆ เหนือกว่าคู่แข่งได้ พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาดได้มากมาย โดย SEO จะช่วยคุณทำ Keyword Research และ Keyword Analysis เพื่อวิเคราะห์คู่แข่งในตลาด และสามารถที่จะได้เปรียบคู่แข่งเหล่านั้นได้
มีส่วนช่วยในการเพิ่มกลุ่มลูกค้าด้วยการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
เมื่อเว็บไซต์ของคุณอยู่อันดับต้น ๆ ในการค้นหา จะทำให้มีโอกาสที่กลุ่มลูกค้าเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์แรก เพราะปกติแล้วเว็บไซต์อันดับต้น ๆ จะเป็นตัวเลือกแรกที่ผู้ค้นหานั้นกดเข้าไป จึงทำให้มีคนรู้จักแบรนด์ หรือธุรกิจคุณมากขึ้น
สร้างภาพจำแบรนด์แก่ลูกค้าได้มากขึ้น
SEO คือเครื่องมือที่จะช่วยให้เนื้อหาหรือคอนเทนต์ของเว็บไซต์คุณตรงกับคำค้นหาของลูกค้ามากที่สุด ยิ่งเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์ หรือช่วยตอบคำถามให้กับกลุ่มลูกค้าได้มาก ก็จะเป็นการสร้างภาพจำของแบรนด์คุณให้กับลูกค้าได้
เพื่อการขายและกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ
SEO สามารถทำให้เกิดการซื้อขายได้ โดยผ่านการ Search จากลูกค้าเท่านั้น หาก Keyword ที่ลูกค้าค้นหาแล้วไปเจอกับสินค้าที่มีการขายบนเว็บไซต์ จะทำให้คุณสามารถขายสินค้าของคุณได้ โดย SEO จะช่วยสร้าง Keyword ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ลูกค้าเข้าไปยังหน้าขายสินค้าของเว็บไซต์ และทำการซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
ความแตกต่างระหว่างการทำ SEO กับ SEM มีอะไรบ้าง
วิธีการที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ หรือหน้าแรกของ Google นั้นจะมีวิธีการทำ 2 วิธี คือการทำ SEO และ SEM โดยมีความแตกต่างกันดังนี้
SEO และ SEM มีหน้าที่คล้ายกันโดยทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ แต่การทำ SEM เป็นการติดหน้าเว็บไซต์Google ด้วยการลงโฆษณา คือ คุณต้องเสียเงินค่าโฆษณาให้ Google แบบPay Per Click คือการเสียเงินเมื่อมีการคลิกเกิดขึ้น โดยค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายให้กับ Google จะเป็นแบบประมูลว่า ใครจะเสนอจ่ายค่าโฆษณาคลิกละเท่าไหร่ และหาก Keyword ที่มีการใช้งานเยอะ หรือมีการแข่งขันสูง คุณอาจต้องเพิ่มราคาประมูลที่สูงขึ้น
สรุปได้ง่ายคือ การทำ SEM เป็นการเสียเงินค่าโฆษณาให้กับ Google แต่ในขณะที่ SEO คือการจัดอันดับเว็บไซต์คุณให้อยู่ในอันดับต้น ๆ แบบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาให้กับ Google ทั้ง SEO และ SEM ควรที่จะใช้ร่วมกัน เนื่องจากการทำ SEO ค่อนข้างที่จะใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้นในระหว่างนี้คุณสามารถทำ SEM ควบคู่กันไปได้ และจะยิ่งทำให้ SEO มีประสิทธิภาพดีขึ้น แต่คุณก็ควรที่จะวางแผนการตลาดให้ดี ทั้งเรื่องของค่าใช้จ่าย ระยะเวลา เพื่อให้การโฆษณาเว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ขั้นตอนการทำ SEO ให้เว็บไซต์คุณติดหน้าแรก
สำหรับขั้นตอนในการทำ SEO คือขั้นตอนที่จะช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแต่ละขั้นตอนนั้นมีดังนี้
1.วางแผนการทำ SEO เพื่อเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขั้นตอนแรกที่คุณควรทำSEO คือ การวางแผนการทำโดยการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย อาจเป็นการกำหนดกลุ่มคนที่มีแนวโน้มว่าจะสนใจธุรกิจของคุณ เนื้อหาของเว็บไซต์คุณเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร เพื่อที่คุณจะได้วางแผน Keyword ให้เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณและการทำ SEO ต่อไป
2.ทำ Research keyword
เมื่อคุณวางแผนกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์คุณได้แล้ว ลำดับต่อมาในการทำ SEO คือ การทำ Research keyword เป็นการวิเคราะห์คำค้นหาที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด เพื่อที่คุณจะได้นำเสนอเนื้อหา หรือทำคอนเทนต์ที่โฟกัสไปที่คำค้นหาเหล่านั้น เช่น คำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ หรือ keyword ที่กลุ่มลูกค้าน่าจะสนใจ
ยกตัวอย่าง คำค้นหา ของใช้ในห้องนอน คุณอาจเริ่มทำ Research keyword เช่น เตียงนอน ท็อปเปอร์ โต๊ะเขียนหนังสือ และ keyword อื่น ๆ ที่ลูกค้าน่าจะสนใจ เช่น ของใช้ในบ้านมินิมอล วิธีแต่งห้องนอน เป็นต้น
3.ออกแบบการทำ Website Structure ตามหลัก SEO
เมื่อคุณได้ keyword มาแล้วลำดับต่อมาของการทำSEO คือ การออกแบบ Website Structure ซึ่งการออกแบบโครงสร้างให้ง่าย สะดวก มีโครงสร้างชัดเจน และไม่ซับซ้อน จะทำให้ส่งผลต่อการติดอันดับบน Google ได้ง่าย และจะช่วยให้เกิดความพึงพอใจต่อกลุ่มลูกค้า มีการกลับมาใช้งานซ้ำเรื่อย ๆ การออกแบบ Website Structure จะบอกได้ว่า หน้าเพจแต่ละหน้านำเสนอเนื้อหา หรือคอนเทนต์หัวข้ออะไรบ้าง และสามารถบอกได้ว่า หน้าเพจแต่ละหน้าภายในเว็บไซต์คุณมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร
4.ทำคอนเทนต์ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย
อีกหนึ่งวิธีการจะทำให้เว็บไซต์คุณมีผู้เข้าชมมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอน SEO คือ การสร้างคอนเทนต์หรือการนำเสนอเนื้อหาที่ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมาย จุดประสงค์ของการสร้างคอนเทนต์คือการนำเสนอข้อมูลที่เป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้า หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมของสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ซึ่งคุณสามารถนำ Keyword ไปตั้งเป็นหัวข้อคอนเทนต์ได้ นอกจากนั้นคอนเทนต์บนเว็บไซต์ของคุณต้องได้คุณภาพ เพื่อที่จะแข่งขันกับคู่แข่งอื่น ๆ ได้ ทั้งข้อมูลที่ละเอียดและถูกต้อง
5.ปรับปรุงเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย และเหมาะกับการทำอย่างต่อเนื่อง
SEO คือ search engine optimization เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณอยู่ตลอด ๆ เพื่อให้การใช้งานนั้นง่าย และสะดวกมากขึ้น โดยมีสิ่งที่คุณต้องปรับ เช่น การออกแบบเว็บไซต์ที่สวยงาม และน่าเชื่อถือ การทำให้กลุ่มเป้าหมายอยู่บนเว็บไซต์ของคุณนานขึ้น โดยการคลิกหรือเข้าไปยังหน้าเพจอื่น ๆ บนเว็บไซต์ รวมถึงการทำเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ เช่น สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต เทคนิคในการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ ติดหน้าแรกของ Search Engine
วิธีที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพ และติดอันดับต้น ๆ บน Google ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์ดี ๆ หรือการทำ Research keyword นอกจากนี้ก็ยังมีเทคนิคในการทำ SEO ให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
การทำ On page SEO
On page SEO คือ การปรับแต่งภายในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อบอกว่าหน้าเพจนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร มีข้อมูลอะไรบ้าง เช่น การเลือกใช้ Keyword, การเลือกใช้รูปภาพและมีเดียอื่น ๆ , การตั้ง Alt Text หรือ Alt Image, SEO Title การตั้งชื่อเว็บหรือชื่อบทความ, Meta Description การตั้งคำอธิบายเว็บเพจ ซึ่งประโยชน์ของการทำ On page SEO คือ จะช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายค้นหาคำตอบได้เร็วขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานและตอบโจทย์อัลกอริทึม (Google Algorithm) ในการจัดอันดับบนเว็บไซต์
การทำ Off page SEO
การทำ Off-page SEO คือ การทำจากภายนอกเว็บไซต์ เป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักโดยการ Mention ผ่านโซเชียลมีเดียหรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ หรือการทำแบรนด์ให้ไปปรากฏอยู่บนโลกออนไลน์ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ และ Google จะจัดอันดับเว็บไซต์คุณให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ได้ นับได้ว่า Off-page เป็นการบอก Search Engine อย่าง google ว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือและมีความนิยมในการใช้งาน ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสที่ Google จะจัดอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น
การทำ Technical SEO
การทำ Technical SEO คือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์คุณติดอันดับการค้นหาบน Google โดยการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เข้าใจง่าย ผู้ใช้งานใช้งานได้รวดเร็ว การใช้ SSL Certificate ให้กับเว็บไซต์เมื่อสร้างความมั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เพื่อให้ Crawl Bot สามารถเข้ามารวบรวมข้อมูล และจัดทำดัชนีเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำ Mobile Friendly
การทำ Mobile Friendly หรือ Mobile SEO คือ กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทั้งบนอุปกรณ์มือถือและแท็บเล็ต และเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ให้ดีที่สุดบนอุปกรณ์นั้น ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการจัดอันดับเว็บไซต์บน Google และประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์บนมือถือ หากมีประสบการณ์การใช้งานไม่ดีพอ ผู้ใช้งานอาจจะอยู่บนหน้าเว็บไซต์ของคุณได้ไม่นาน
การทำ Private Blog Network (PBN)
การทำ Private Blog Network หรือ PBN คือ การทำ Backlink แบบที่มีเว็บไซต์ของคนอื่นลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา เป็นการเพิ่มเครือข่ายหรือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสนับสนุนเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ เมื่อ Bot ของ Google พบว่าเว็บไซต์ของคุณมีการเชื่อมโยงลิงก์ต่าง ๆ ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ จะส่งผลให้อันดับเว็บไซต์ของคุณอยู่อันดับต้น ๆ เนื่องจาก Bot ทราบแล้วว่าเว็บไซต์ของคุณมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน รวมถึงมีความน่าเชื่อถือ ทำให้เว็บไซต์คุณมีการจัดอันดับที่ดีขึ้น
Header Tag 2 : เครื่องมือที่ใช้สำหรับการทำ SEO มีอะไรบ้าง
เครื่องมือในการทำSEO คืออะไรบ้าง ที่จะช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีเครื่องมือหลายเครื่องมือด้วยกัน ดังนี้
Google analytics
เพื่อให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้ Google analytics จะสามารถบอกข้อมูลต่าง ๆ กับคุณได้ว่า มีคนเข้ามาชมเว็บไซต์คุณได้มากแค่ไหน, สามารถที่จะเพิ่มยอดขายได้อย่างไรบ้าง, ผู้ชมมีการค้นหาเนื้อหาไหนมากที่สุด, ติดตามคู่แข่งของคุณว่ากำลังทำอะไร, สามารถเพิ่ม backlink ได้ทางไหนบ้าง และอื่น ๆ เป็นต้น Google analytics เป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ที่คุณสามารถนำไปพัฒนาเว็บไซต์ และเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์คุณได้
Google search console
เครื่องมือที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถตรวจสอบคุณภาพ และข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้ ในการทำ SEO คือ Google Search Console ซึ่งเป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่สามารถทำให้คุณทราบเมื่อเกิดปัญหา Page Not found 404 หรือปัญหาการใช้งานที่ไม่เหมาะสมบนมือถือ อีกทั้งสามารถรายงานการเข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic ได้อีกด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณทำ SEO ได้ดียิ่งขึ้น
Google trend
เครื่องมือที่จะช่วยตรวจสอบความนิยมของ Keywords บนโลกออนไลน์ คือ Google Trends โดยคุณสามารถดูเทรนด์ของ Keywords ได้ตามตำแหน่งที่คุณต้องการ ทั้งเทรนด์ระดับโลก ระดับประเทศ หรือระดับจังหวัด และคุณสามารถที่จะดูเทรนด์ยอดฮิตรายวันได้อีกด้วย และสามารถย้อนดูความนิยมของ Keywords ในอดีต ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจากเครื่องมือGoogle Trends จะทำให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจ ทำคอนเทนต์ ให้ตอบโจทย์กับเทรนด์ในปัจจุบัน
Looker
Looker เป็นเครื่องจาก Google ที่จะช่วยในการทำ SEO คือ สามารถเปลี่ยนข้อมูลที่อ่านยาก ๆ มาเป็นข้อมูลรูปแบบภาพทำให้เข้าใจง่ายขึ้น เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมีรูปแบบกราฟต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย นอกจากนี้ Looker สามารถที่จะเชื่อมต่อข้อมูลหลากหลายประเภทได้ โดยสามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้ถึง 800 แหล่งด้วยกัน ทำให้คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
Ahrefs
เครื่องมือที่นิยมในการทำ SEO คือ Ahrefs ซึ่งจะช่วยให้คุณวางแผนการทำ SEO ได้อย่างครอบคลุม ทั้งการทำ Keyword, Backlink, และการทำ Website Audit เพื่อให้เราได้ติดตามผล และวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ และนำมาทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น การค้นหา Keyword จากคู่แข่งขันอื่น ๆ ที่มีการติดอันดับ SEO แล้ว ซึ่งเป็นไปได้ยากมากที่คุณจะหาข้อมูลเหล่านี้เอง เมื่อเราเจอแล้วว่าคู่แข่งต่าง ๆ ของเรามีการใช้ Keyword แบบนี้ เราก็อาจจะปรับเปลี่ยนเนื้อหาหรือคอนเทนต์ให้โฟกัสไปที่ Keyword นั้นมากขึ้น
สรุป
การทำ SEO คือกลยุทธ์ที่นักธุรกิจออนไลน์ที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองเลือกใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะการใช้ SEO จะช่วยให้มีกลุ่มเป้าหมายเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณได้มากยิ่งขึ้น ทำให้แบรนด์คุณเป็นที่รู้จัก มีความน่าเชื่อถือ และสามารถเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ของคุณได้อีกด้วย และการทำ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์คุณมีคุณภาพทั้งการนำเสนอเนื้อหา คอนเทนต์ รูปภาพ หรือมีเดียต่าง ๆ และจะทำให้เว็บไซต์คุณติดอันดับการค้นหาที่ดีมากขึ้น หากคุณมีความสนใจในการทำ SEO แต่ยังไม่มีความรู้มากพอที่จะทำมันออกมาให้ดีได้ คุณสามารถที่จะใช้บริการกับทาง Markety ในการทำ SEO เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณ
Markety เป็นบริษัทที่รับทำSEO และมีความสามารถในด้านเทคโนโลยีการตลาด ที่จะมาซัปพอร์ตเจ้าของธุรกิจออนไลน์ หรือผู้เริ่มธุรกิจทั่วไป ช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Markety ยังรับทำ Landing Page รับทำ Sale Page สามารถติดต่อได้ที่ ที่ตั้ง 573/104 รามคำแหง 39 แขวง พลับพลา เขต วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310 หรือ ติดต่อสอบถาม 084-509-5545, 061-924-7449 อีเมล [email protected]
คำถามที่อาจพบบ่อยเกี่ยวกับการทำ SEO
Duplicate content คืออะไรและเกิดปัญหาอย่างไรในการทำ SEO
สำหรับ Duplicate Content คือ การทำเนื้อหาที่มีการคัดลอกมาจากแหล่งอื่น ๆ ทำให้เนื้อหานั้นมีความใกล้เคียงกันมาก และ Duplicate Content จะส่งผลเสียต่อการทำ SEO คือ เว็บไซต์จะมีการจัดอันดับที่ต่ำลง เนื่องจาก Google จะมองว่าเว็บไซต์นั้นไม่มีคุณภาพ เมื่ออันดับตกก็จะมีคนเข้ามาชมเว็บไซต์คุณน้อยลง หรืออาจจะทำให้หน้าเว็บของคุณถูกซ่อนได้
Local SEO คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
Local SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถค้นหาได้ง่ายจากกลุ่มท้องถิ่นคุณ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเฉพาะพื้นที่ ใกล้เคียงกับที่ตั้งร้าน หรือการค้นหา Keyword ที่เฉพาะเจาะจงกับร้านค้าของคุณ เช่น คาเฟ่แถวบางนา จะทำให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
การทำ SEO ใช้ระยะเวลาเท่าไหร่จึงจะเห็นผล
การทำ SEO จะเห็นผลได้เมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น คุณภาพของเว็บไซต์คุณ กลยุทธ์ในการทำ SEO และคุณต้องมีการดูแลและปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย สำหรับระยะเวลาที่ควรจะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง อาจใช้เวลาในช่วง 4 เดือนเป็นต้นไป
อ้างอิง
Patrick Hathaway.(2023, August 18).Search Engine Optimization (SEO)
https://mailchimp.com/marketing-glossary/seo
Vlado Pavlik.(2023, August 18).What Is SEO?