Digital marketing คืออะไร? ต่างจาก Online Marketing หรือไม่? และมีความสำคัญอย่างไรกับธุรกิจ ช่องทางและวิธีการทำ Digital marketing มีอะไรบ้าง สำหรับเจ้าของธุรกิจนับว่าการทำมีความสำคัญเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะเป็นรูปแบบการทำการตลาดที่สะดวก รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายว่าการทำการตลาดแบบดั้งเดิม อีกทั้งให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า มาดูความรู้เกี่ยวกับการทำ Digital marketing ทุกแง่มุมในบทความนี้
สารบัญบทความ
Digital marketing คืออะไร
Digital marketing คือ การตลาดดิจิทัลเป็นการทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งเป็นสื่อที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อกลาง อันได้แก่ โทรทัศน์ ป้ายไฟฟ้า หรือสื่อออนไลน์ทั้งหมดอย่าง Email, Social media, Website, Search Engine, Application และ Platform ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนโลกออนไลน์ ในบางครั้งถูกเรียกว่า Online Marketing ซึ่งมีความหมายว่า “การทำการตลาดออนไลน์” นั่นเอง
ช่องทางที่ว่ามานี้สามารถเข้าถึงได้ด้วยโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์เป็นส่วนมาก Digital marketing ทำให้เกิดความหลากของช่องทางจึงมี Omnichannel เกิดขึ้นตามมา คือ การรวมช่องทางการติดต่อสื่อสารไว้ในที่เดียว เป็นการรวมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วยกัน มีการเก็บข้อมูลลูกค้าไว้เป็นข้อมูลส่วนกลางเชื่อมต่อได้กับทุก Platform เพื่อบริการครบวงจร สามารถอำนวยความสะดวกได้ดีมากยิ่งขึ้น
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ Digital marketing ถูกพัฒนาแทนที่การตลาดแบบเดิม โดยคำว่า “การตลาด” นั้นก็ยังมีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ เพื่อทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักจนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ เป็นทั้งการโปรโมทแบรนด์ โปรโมทสินค้าและบริการ รวมทั้งเป็นการบริหารจัดการองค์กรอีกด้วย Digital marketing จึงถูกนำไปใช้ดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน
ทำไม Digital marketing ถึงจำเป็นกับธุรกิจในยุคปัจจุบัน
เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตคนมากยิ่งขึ้น จึงต้องมีการพัฒนาการตลาดให้อยู่ในรูปแบบ Digital marketing หรือ Online Marketing นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นกับธุรกิจในยุคปัจจุบันด้วยเหตุผลดังนี้
มีข้อมูลและเครื่องมือมาช่วยเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าการตลาดแบบดั้งเดิม
หัวข้อการศึกษาในปัจจุบัน Digital marketing ยังคงเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมมาก มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีข้อมูลและแนวทางจากการศึกษา อีกทั้งยังมีการพัฒนาเครื่องมือจำนวนมากมาช่วยในการทำ Online marketing เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าการตลาดแบบดั้งเดิม
ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงได้ง่าย เป็นที่รู้จักและสามารถบอกต่อกันได้ง่าย
ด้วยความที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าจนเป็นปัจจัยในการดำเนินชีวิตของผู้คน เป็นช่องทางหลักในการติดต่อสื่อสารของคน การทำ Digital marketing จึงช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงได้ง่าย เป็นที่รู้จักและสามารถบอกต่อกันได้ง่าย เป็นการติดต่อสื่อการที่ใช้ต้นทุนต่ำและมีความสะดวกรวดเร็ว
ทำให้รู้จักกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
Digital marketing มีการเก็บข้อมูลอย่างละเอียดลึกซึ้ง ทำให้รู้จักกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบเลือกเจาะจงได้ ทำให้ลดต้นทุนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และถ้าหาก Digital marketing มีความจำเป็นต่อธุรกิจในปัจจุบันแล้ว สิ่งที่ต้องศึกษาต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้คือ Marketing Technology หรือ MarTech นั่นเอง เป็นการทำการตลาดโดยคำนึงถึงการใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก ตั้งแต่วางแผน ดำเนินงาน วัดผลการทำงาน ช่วยวิเคราะห์และจัดการข้อมูลจำนวนมาก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดกระบวนการต่าง ๆ ในการทำการทำตลาดออนไลน์
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Digital marketing Online marketing และ Traditional marketing
Digital marketing และ Online marketing นั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก ส่วน Traditional marketing หรือการตลาดแบบดั้งเดิมถึงจะคล้ายแต่มีความแตกต่างกันชัดเจน ดังนี้
Digital marketing
Digital marketing แปลตรงตัวได้ว่า การตลาดดิจิทัล หมายว่าจะต้องมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะไม่ได้เชื่อมต่อโลกออนไลน์หรือ Internet เสมอไป Digital marketing จึงครอบคลุมไปในบริบทที่กว้างกว่า Online marketing ดังนั้น Online marketing คือส่วนย่อยของ Digital marketing แต่ในส่วนย่อยนี้เองเป็นส่วนที่ Impact มากในการทำการตลาด อุปกรณ์และช่องทางใน Digital marketing ตัวอย่างเช่น SMS, ป้าย Billbroad LED และ ป้าย LED เป็นต้น ซึ่ง Digital marketing ยังครอบคลุมไปถึงเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ทุกประเภท โดยในส่วนของเว็บไซต์ในยุคเก่าอาจมีเนื้อหาให้ความรู้ทั่วไป แต่ถ้าในหลักของ Digital marketing นั้น ก็จะมีการโปรโมท ส่งเสริมการขาย มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ กระตุ้นให้เกิดการซื้อมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
Online marketing
Online marketing แปลว่า การตลาดออนไลน์ คือต้องใช้ช่องทางออนไลน์และมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Internet ซึ่งก็หมายความรวมไปถึง Digital marketing ด้วย ได้แก่ Website, Social media ต่างๆ อย่าง Facebook TikTok Instagram หรือแม้กระทั่ง Email ซึ่งเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
Traditional marketing
Traditional marketing คือการตลาดแบบดั้งเดิม จะมีหลักการและแนวคิดในการทำงานหลายอย่างมาช่วยในการวิเคราะห์ อย่างเช่น 4P และ 7P คือ วิเคราะห์องค์ประกอบทางการตลาด ได้แก่ Products, Price, Promotion, Place, People, Process และ Physical Evidence รวมถึงการใช้ SWOT มาวิเคราะห์ในเรื่องจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรค ทั้งหมดนี้ทำให้เข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นและเพื่อวางแผนกลยุทธ์ทำการตลาดและดำเนินธุรกิจให้ไปสู่เป้าหมาย
Traditional marketing มีส่วนเกี่ยวเนื่องและเปลี่ยนถ่ายไปยัง Digital marketing เป็นยุคเริ่มแรกของการตลาดที่ยังไม่มี Internet ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ หรือโปรโมทแบรนด์ หรือโฆษณาสินค้าจะเป็นการสื่อสารในทางเดียว จึงทำให้ลูกค้าเสนอความคิดเห็นกลับมาได้ยาก ใช้เวลานานและลงทุนงบประมาณจำนวนมากกว่าจะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก ตัวอย่างเช่น ป้าย Billbroad, โฆษณาตามหนังสือพิมพ์และนิตยสาร , การส่งจดหมายแบบกระดาษ และการแจกแผ่นพับ ใบปลิว เป็นต้น
ช่องทางการทำ Digital marketing มีอะไรบ้าง
Digital marketing เป็นรูปแบบการทำการตลาดที่กว้างมาก นับวันเข้าก็ยิ่งมีช่องทางใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จึงเกิดแนวคิดการรวมศูนย์หรือ Omni Channel คือ รวมช่องทางการติดต่อสื่อสารทุกอย่างเก็บเป็นข้อมูลลูกค้าไว้เป็นฐานข้อมูลเดียว สามารถเรียกใช้ได้จากทุก Application หรือทุกช่องทางบริการ มาดูกันว่าช่องทางในการทำ Digital marketing มีอะไรบ้าง
SEO
ธุรกิจมักจะมีเว็บไซต์แสดงข้อมูลสินค้าและบริการ ในการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการให้ความสำคัญมุ่งเป้าไปที่เว็บไซต์ดังกล่าวนี้เอง ประกอบไปด้วยเทคนิคทุกอย่างในการปรับแต่งเว็บไซต์ (Optimize) ให้ติดอันดับบนเครื่องมือค้นหา (Search Engine) วิธีนี้อาศัยความรู้และการอัปเดตข่าวสารจาก Google เป็นประจำสม่ำเสมอ เนื่องจาก Google มีเกณฑ์ต่าง ๆ ในการจัดอันดับเว็บไซต์ตามคุณภาพจากมากไปหาน้อย ดังนั้นการทำ SEO คือ Digital marketing ที่เน้นทำเว็บไซต์ติดอันดับและถูกมองเห็นมากยิ่งขึ้น เป็นการส่งเสริมให้เว็บไซต์มีการเข้าถึงมากยิ่งขึ้น จึงเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นตามไปด้วย
Paid search
Digital marketing ยังมีช่องทางที่ง่ายมาก แค่จ่ายเงินก็สามารถทำได้แล้ว นั่นคือ Paid search หรือ Paid-Per-Click (PPC) วิธีนี้ก็เน้นไปถึงการเข้าถึงเว็บไซต์ของธุรกิจเช่นเดียวกับ SEO แต่การจ่ายเงินเพื่อซื้อโฆษณานี้เองจะทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ด้านบนสุดของผลการค้นหา เรียกว่า เห็นเด่นชัดที่สุดเป็นเว็บไซต์แรก และการจ่ายเงินจะจ่ายตามจำนวนครั้งที่มีการคลิกนั่นเอง
Social media marketing
Social media เป็นช่องทางหนึ่งที่ผู้คนใช้กันอย่างแพร่หลายมาก Digital marketing ที่มุ่งเน้น Social media marketing จึงสร้าง Impact ได้ในวงกว้าง และในแต่ละ Platform ก็จะมีวิธีการโฆษณาที่แตกต่างกันออกไป และยังมีการพัฒนาเครื่องมือในส่วนของ Digital marketing ให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เจ้าของธุรกิจจึงต้องศึกษาการโปรโมทสินค้าและบริการในแต่ละ Platform อยู่เสมอ ตัวอย่าง Platform ในการทำ Social media marketing คือ Facebook นับว่าเป็นรายแรก ๆ และเป็นรายใหญ่ ที่ธุรกิจสามารถสร้างเพจ Facebook ใช้การยิงแอดได้ ส่วน Line ก็เป็น Platform ที่มีบัญชี Line Officical หน้า Admin คล้ายคลึงกับ Facebook และ Platform ที่มาแรงอย่าง TikTok ก็มี Tiktok ads และระบบตะกร้าสินค้า ระบบจ่ายเงินเบ็ดเสร็จ เป็นต้น
Content marketing
Digital marketing ที่มุ่งเน้นไปที่เนื้อหาหรือ Content นั่นก็คือ Content marketing เป็นการสร้าง Content และใช้ Content ให้น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้า เนื้อหาที่ว่านี้เป็นไปได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บทความ การเขียนบล็อก Infograhpic รูปภาพและคลิปวิดีโอ หากสามารถสร้างสรรค์ Content ได้ดีก็จะสามารถสร้างการรับรู้และความสนใจแบรนด์ได้มากขึ้น โดย Content นี้สามารถเผยแพร่ไปได้หลาย Platform และอาจต้องมีการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายก่อนเพื่อให้ได้ผลตอบรับที่ดี และยังต้องคำนึงถึงเรื่องการ Post อย่างเป็นประจำสม่ำเสมออีกด้วย ในการทำ Content marketing ยังมีเทคนิคการสร้าง Lead โดยเริ่มจากทำให้กลุ่มเป้าหมายสนใจก่อน แล้วจึงค่อยเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายนั้นให้กลายเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าจริง ๆ
Affiliate marketing
Digital marketing ที่อาศัยความเนียนหรือ Affiliate marketing คือการนำ Link ของสินค้าและบริการไปแนะนำแก่คนอื่น โดยอาจทำเป็น Content ให้คนสนใจเข้ามาฟัง และแนะนำให้คนคลิก Link ตามเข้าไปดูสินค้าหรือบริการ ผู้แนะนำก็จะได้ส่วนแบ่งของการขายสินค้านั้นด้วยเช่นกัน ตัวอย่าง Platform ในการทำ Affiliate marketing ได้แก่ TikTok Lazada และ Shopee เป็นต้น
Influencer marketing
Digital marketing อีกช่องทางหนึ่ง คือ Influencer marketing หรือ การใช้ Influencer ก็คือผู้มีอิทธิพลในสังคมเป็นผู้โปรโมทแนะนำสินค้าหรือบริการ เหล่า Influencer นี้อาจคิด Content ร่วมกับแบรนด์ หรือแบรนด์มาจ้าง Influencer ให้ทำทุกกระบวนการในการผลิตและเผยแพร่ Content ก็ได้เช่นกัน
Email marketing
Digital marketing ในยุคแรกและมีต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ คงหนีไม่พ้น Email marketing เพราะการส่งจดหมายในช่องทางอิเล็กทรอนิกส์นี้ เป็นช่องทางที่เป็นทางการมากที่สุด โดย Platform ในการรับส่ง Email เหล่านี้เกิดขึ้นมานานมากและถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเสถียรและจัดเก็บข้อมูลได้เป็นระบบมากกว่า Platform อื่น ในการส่ง Email นี้ก็จะเป็นการส่งถึงลูกค้าโดยตรง และมี Loyalty Program เพื่อสร้างความสัมพันธ์พิเศษกับลูกค้าเก่า มอบส่วนลดพิเศษ สะสมแต้ม เป็นการรักษาลูกค้าให้อยู่ยาวนานต่อไป ในเนื้อหา Email อาจมี Link ให้คลิกไปยังเว็บไซต์เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณการเข้าถึงเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน Digital marketing ในรูปแบบนี้จึงต้องมีวิธีการได้มาซึ่งรายชื่อติดต่อหรือ Email ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
Mobile marketing
Digital marketing ที่มุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือของลูกค้า เรียกว่า Mobile marketing เป็นการโปรโมทสินค้าและบริการโดยการส่งไปยังมือถือ ได้แก่การส่งข้อความ SMS MMS ไปหาลูกค้า วิธีนี้มีจุดเด่นคือ สามารถส่งข้อความไปยังพิกัดหรือตำแหน่งของมือถือที่ต้องการได้ หรือจะเป็น Application ของธุรกิจเองที่ติดตั้งบนมือถือก็จะเป็นในลักษณะของการแจ้งเตือนขึ้นมาใน Application นั้นนั่นเอง ซึ่งในการทำ Digital marketing แบบนี้มีข้อดีอีกอย่างคือ ทุกคนจะมีมือถืออยู่กับตัวตลอดเวลา จึงมีโอกาสสูงที่จะได้รับข้อความแจ้งเตือนอย่างแน่นอน
Marketing automation
Marketing automation เป็น Digital marketing ที่มุ่งเน้นไปยังการใช้เทคโนโลยีมาช่วยทั้งระบบ ตั้งแต่การศึกษา การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ข้อมูลที่ได้นี้เอง สามารถนำไปประกอบการพิจารณาทำการตลาด การโปรโมท การเลือกกลุ่มเป้าหมาย การจัดแคมเปญ และสามารถช่วยทุ่นแรง ลดกระบวนการที่ต้องใช้คนได้ สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างระบบที่นำมาใช้ใน Marketing automation ได้แก่ ระบบ CRM หรือ Customer relationship management คือการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า ซึ่งเป็นการรวมทุกกระบวนการมาไว้ในระบบใหญ่ระบบเดียวทำให้ง่ายต่อการจัดการ
สิ่งที่สำคัญในการทำ Digital marketing
สิ่งที่สำคัญในการทำ Digital marketing คือ
- กำหนดเป้าหมายการทำ Digital marketing ให้ชัดเจน นี่คือการรู้ว่าตัวเองต้องการไปสู่จุดเป้าหมายจุดไหน เพื่อให้มีเป้าหมายแล้วก็พร้อมที่จะพุ่งชน
- กำหนดเป้าหมายการทำงาน กำหนดกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มลูกค้า (Target Audience) ให้ชัดเจน กลุ่มเป้าหมายนี้เองจะมีผลต่องบประมาณที่ใช้ในการลงทุนทำ Digital marketing เช่น การเลือกยิงโฆษณาเฉพาะบางกลุ่มที่ให้ความสนใจและเกิดการซื้อสินค้าและบริการจริง
- วางแผนกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล ในธุรกิจเองก็มีแผนกลยุทธ์ ในการทำ Digital Marketing ก็ย่อมต้องมีแผนด้วยเช่นกัน สืบเนื่องจากการกำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ที่ว่านี้เองก็คือ วิธีการไปสู่เป้าหมายนั่นเอง ในขั้นตอนการวางแผนนี้ประกอบไปด้วยการวิเคราะห์ SWOT 4P 7P ทำให้รู้เขา รู้เรา และหาวิธีที่ดีที่สุดในการไปถึงเป้าหมาย
- เลือกช่องทางที่เหมาะสม ซึ่งมาจาก 3 ขั้นตอนด้านบน ก็คือ รู้เป้าหมาย รู้กลุ่มลูกค้าและวางแผนการตลาดไปถึงจุดนั้น ช่องทางในการทำ Digital Marketing นั้นมีหลากหลายมาก จึงต้องเลือกช่องทางที่เหมาะกับแผนและกลุ่มเป้าหมาย
- ลงมือทำ Digital Marketing ด้วยสร้าง Content ให้มีคุณภาพและดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย
- นำผลลัพธ์มาวิเคราะห์อย่างละเอียด ได้แก่ การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้ามีความสำคัญมากในการนำมาปรับปรุงการทำ Digital Marketing ต่อไป
เครื่องมือในการทำ Digital Marketing ที่น่าสนใจ
ตัวอย่างเครื่องมือการตลาดดิจิทัลหรือ Digital marketing tool ซึ่งมีหลากหลายตาม จำแนกตามการทำงานรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
เครื่องมือสื่อออนไลน์
การทำ Digital Marketing มีเครื่องมือสื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือที่ใช้การในสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ได้แก่ Facebook page, Facebook business, Facebook ads manager และเว็บไซต์ เป็นต้น
เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ผล
เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ผลในการทำ Digital Marketing ได้แก่
– Google Analytics ใช้ในการเก็บข้อมูลสถิติเว็บไซต์และนำมาวิเคราะห์ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น ใครเข้ามาบ้าง ลักษณะของคนที่เข้ามาเป็นอย่างไร เพศ อายุ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ ช่องทางผ่านที่เข้ามา ปริมาณการเข้าเยี่ยมชม เป็นต้น
– Google Tag Manager (GTM) ใช้ในการจัดการ Tag ที่มาติดในเว็บไซต์หรือ Application เพื่อติดตามผลลัพธ์ของพฤติกรรมผู้ใช้รวมถึงค่าต่าง ๆ ได้อย่างง่าย
– Google Search Console ใช้ในการติดตามเว็บไซต์ เช่น การเข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic ปัญหาภายในเว็บไซต์ ข้อมูล User Experience และข้อมูลต่าง ๆ ที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพของเว็บไซต์
เครื่องมือจัดการงานขาย
เครื่องมือจัดการงานขายในการทำ Digital Marketing ได้แก่
– HubSpot ใช้ในการควบคุมการตลาด จัดการกระบวนการขาย สามารถทำงานได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนจบการขาย
– Pipedrive เป็นระบบ CRM มุ่งเน้นไปที่การขาย ช่วยในการปิดขายได้เป็นอย่างดี สามารถหา Lead จากฐานข้อมูลของ Pipedrive ได้
เครื่องมือผลิตสื่อ
เครื่องมือผลิตสื่อในการทำ Digital Marketing ได้แก่ โปรแกรมทำเว็บไซต์หรือเขียนบล็อก เช่น WordPress หรือโปรแกรมออกแบบโปสเตอร์ กราฟิก วิดีโอ เช่น Canva เป็นต้น
เครื่องมือสำหรับการจัดการ Social media
Digital Marketing ยังมีเครื่องมือสำหรับการจัดการ Social media ได้แก่
– Buffer ใช้ในการตั้งเวลา Post ลง Social media หลาย Platform ในครั้งเดียว
– Zoho social ใช้ในการจัดการ Social media ทั้งหมดด้วย Platform เดียว กำหนดการ Post ได้ มีแดชบอร์ดแสดงผลทำให้จัดการได้ง่าย มองเห็นภาพรวมได้ครอบคลุม วิเคราะห์ประสิทธิภาพทาง Social media
วิธีการทำ Digital marketing ให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากเครื่องมือการตลาดดิจิทัลแล้ว ยังมีวิธีการทำ Digital Marketing ให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้
การทำ Content ให้ตรงกับเทรนด์ใหม่ๆอยู่เสมอ
ธุรกิจที่จะสามารถอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง คือ ธุรกิจที่ปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นการทำ Content จึงต้องเกาะติดเทรนด์ใหม่และหมั่นสร้างสรรค์อยู่เป็นประจำ สิ่งที่เป็นความสดใหม่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจและทำให้ผู้รับสารรู้สึกอินหรือสนุกไปด้วย ส่งผลให้การทำ Digital Marketing ได้ผลการตอบรับดีมากขึ้น
ทำ Content ที่มีประสิทธิภาพ เข้าใจง่าย ตรงประเด็น
การทำ Digital Marketing ให้ได้ผลนั้น อาศัย Content เป็นหัวใจสำคัญ นั่นหมายความว่า Content ที่จัดทำขึ้นมาต้องมีประสิทธิภาพ เข้าใจง่ายและตรงประเด็น ทั้งหมดนี้ทำให้ Content เป็นสิ่งที่เข้าถึงง่าย สร้างความรู้สึกที่ดีต่อผู้ใช้
ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจเสมอ
Digital Marketing คือการมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มคนจำนวนมาก จึงต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลองค์ประกอบ วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภครวมไปถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นข้อเท็จจริง เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจดำเนินการบางอย่างต่อ ดังนั้นจะไม่มีการใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสินใจ การทำ Digital Marketing ให้ได้ผลนั้นต้องใช้ข้อมูลจริงเสมอ
สรุป
Digital Marketing คือการทำการตลาดดิจิทัลโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หมายความรวมไปถึงอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Internet จึงสามารถเรียกอีกอย่างว่า Online Marketing หรือ การทำการตลาดออนไลน์ ส่วนรูปแบบ Digital Marketing ในยุคแรกคือ Email และ SMS อีกรูปแบบที่นิยมมากในปัจจุบัน ได้แก่ SEO เป็นการทำเว็บให้ติดหน้าแรก Google และการยิงแอดใน Facebook รวมไป LINE Tiktok รวมถึง Social media อื่น ๆ
การทำ Digital Marketing ต้องมีการวางแผน มีความรอบรู้ทั้งเรื่องการตลาดและเทคโนโลยี และมีระบบบริหารจัดการที่ดี มีทักษะในการใช้เครื่องมือต่าง ๆ และเป็นทางเลือกที่ดี หากต้องการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูแลคุณ บริษัทรับทำ Digital Marketing อย่างบริษัท มาเก็ตตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Fastcommerz” เป็นผู้ให้บริการเซลเพจเจ้าแรกของประเทศไทย มีทั้งบริการ รับทำ Landing Page และบริการรับทำ Sale Page เป็น Sale Page WordPress มีระบบ E-commerce อำนวยความสะดวกให้กับร้านค้าและธุรกิจที่ต้องการทำ Digital Marketing ได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่องทางการติดต่อมีดังนี้
ที่อยู่ : 976/4 ถนนริมคลองสามเสน แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
เบอร์โทร
- 02-002-9322 (ฝ่ายบริการลูกค้า)
- 084-509-5545 (ฝ่ายขาย)
- 061-924-7449 (ฝ่ายขาย)
อีเมล
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Digital marketing
มาดูคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Digital Marketing กัน
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าการทำ Digital marketing ในแต่ละแคมเปญประสบความสำเร็จ
เราสามารถวัดความสำเร็จของการทำ Digital Marketing ได้โดยใช้เครื่องมือ ได้แก่ Google Analytics ในการวิเคราะห์ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์และพฤติกรรมของผู้ใช้ การวิเคราะห์ Social media ทำให้ทราบถึงข้อมูล ยอด Engagement และ Reach ส่วนซอฟต์แวร์ที่ใช้การวิเคราะห์ Email marketing จะแสดงข้อมูลอัตราการเปิดอ่าน Email และ CTR นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ SEO สามารถดูอันดับของ Keywords ได้ ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัววัด (metric) ว่า แคมเปญการทำ Digital Marketing แต่ละแคมเปญได้ผลตามตัวชี้วัด (KPI) ที่ตั้งไว้หรือไม่
เทรนด์แนวโน้มของ Digital Marketing มีอะไรที่น่าสนใจ
แนวโน้มของ Digital Marketing ที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค คือปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของการใช้ AI, Machine Learning, การตลาดส่วนบุคคล การค้นหาด้วยเสียง, Video marketing, Influencer marketing, ความยั่งยืนและประเด็นทางสังคม
การวิเคราะห์ข้อมูลมีความจำเป็นสำหรับ Digital marketing หรือไม่
ในการทำ Digital Marketing นั้น การวิเคราะห์ข้อมูลหรือ Data analytics มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีส่วนช่วยในการตัดสินใจ นักการตลาดสามารถวัดประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดได้ วิเคราะห์แนวโน้มได้ สามารถเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้ และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นได้ การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้ประเมินได้ว่าช่องทางใด แคมเปญใด เนื้อหาใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด กลุ่มเป้าหมายใดตอบสนองมากที่สุด และจุดใดที่สามารถปรับปรุงได้ ช่วยให้นักการตลาดสามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เหมาะสม และมานำปรับปรุงการทำ Digital Marketing ได้อย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง :
Digital Marketing Overview: Types, Challenges, and Required Skills. (n.d.). Investopedia. Retrieved July 10, 2023, from https://www.investopedia.com/terms/d/digital-marketing.asp
The Who, What, Why, & How of Digital Marketing. (2022, November 30). https://blog.hubspot.com/marketing/what-is-digital-marketing
What is Digital Marketing? A Beginner’s Guide. (n.d.). Mailchimp. Retrieved July 10, 2023, from https://mailchimp.com/marketing-glossary/digital-marketing/